ปลาเก๋ามุกมังกร

ปลาเก๋ามุกมังกร

ปลาเก๋ามุกมังกร

หากพูดถึงชื่อ ปลาเก๋ามุกมังกร (Hybrid grouper ) หรือบางพื้นที่เรียกว่า ปลาเก๋าหยก, ปลาเก๋ามุก แน่นอนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่อาจจะไม่รู้จัก หรือเคยเห็น นั้นก็เป็นเพราะว่าปลาชนิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่นำไข่ของปลาหมอทะเลที่มักจะอาศัยตามซอกหินปะการังใต้ทะเลลึก มาผสมกับน้ำเชื้อของปลาเก๋าเสือ หรือปลากะรังลายน้ำตาล จึงกลายเป็นปลาเก๋ามุกมังกร ปลาชนิดนี้เป็นการผสมกันในเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มรายได้

ซึ่งเป็นปลาที่เลี้ยงง่ายทนต่อสภาวะอากาศและโรค โดยที่เนื้อของมันจะละเอียดหวาน ไม่เหนียวหนึบ และให้เนื้อมากกว่าปลาเก๋าเสือตัวใหญ่ อีกทั้งยังมีกลิ่นคาว กับไขมันมากเหมือนปลาเก๋า หากนำไปปรุงอาหารเช่นลวกจิ้ม เนื้อก็จะไม่แตกเละเหมือนเนื้อปลากะพง ทำให้ ปลาเก๋ามุกมังกร นำไปประกอบอาหารได้ทั้งตัว ไม่ต้องแล่ทิ้งให้เสียของ การเพาะเลี้ยงในระยะเวลา 1 ปี จะได้น้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัม หากเลี้ยงหลายปี ตังใหญ่สุดประมาณ 80 กิโลกรัม แล้วนำไปแล่เนื้อ หรือส่งเป็นตัวตามร้านอาหาร หรือโรงแรม รวมไปถึงต่างประเทศ

ลักษณะของปลาเก๋ามุกมังกรคือ ส่วนหัวและลำตัวตัวคล้ายปลากะรังเสือ ส่วนหางคล้ายปลาหมอทะเล

อย่างที่ทราบกันแล้วว่าปลาชนิดนี้เป็นปลาที่ถูกผสมพันธุ์ขึ้นมาจึงพบเจอได้ไม่บ่อยตามแหล่งทะเลธรรมชาติ แต่ก็มีหลุดและแพร่กระจายอยู่บ้างทางฝั่งอ่าวไทยในพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดจันทบุรี ตราด ทางภาคกลางก็ที่ สมุทรสาคร เพชรบุรี หากเป็นฝั่งอันดามันก็ที่ ระนอง กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต

ดังนั้นการตกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอ (ยกเว้นตกในบ่อ) แต่ถ้าเจอก็ถือว่าแจ็คพอตแตกก็ว่า การตกในทะเลนั้นก็เป็นวิธีเดียวกับการตกปลาเก๋า ก็คือแถบชายฝั่ง บริเวณส่วนใหญ่ที่พวกมันอยู่ก็คือ บริเวณที่ซอกหิน ซอกปะการัง หรือ กลุ่มแนวปะการัง ช่วงเวลาเหมาะที่สุดก็คือช่วงน้ำลง

สำหรับเหยื่อ ก็จะเป็น เนื้อสด รวมไปถึงกุ้งหรือหมึกสด หากเป็นเหยื่อปลอมก็ใช้ ไมโครจิ๊ก ก็ได้เช่นกัน แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าปลาสายพันธุ์นี้ แรงเยอะ ดื้อ หากยิ่งเป็นตัวใหญ่รับรองว่าเล่นเอาเหนื่อย หากเป็นมือใหม่หัดตกควรมีรุ่นพี่ที่มีควาเก๋า (เหมือนชื่อปลา) คอยแนะนำไม่งั้นอาจมีพลาดได้

ในส่วนของการนำมาประกอบอาหารสามารถทำได้เยอะแยะมากมายโดยพี่น้องชาวมุสลิมนำมาเป็นอาหารฮาลาลที่นิยมกินกันมากกว่าเนื้อไก่เสียอีก หากได้มาตัวใหญ่ ๆ ยังแบ่งทำได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นลวกจิ้ม ทอดหรือผัดกับผักสดก็อร่อย หรือจะนำไป นึ่ง หรือต้มยำ ทำสเต็ก ฯลฯ เรียกว่าสารพัดเมนูเลยทีเดียว